คนไทยกำลังบริโภคอาหารดัดแปลงพันธุกรรม
วิฑูรย์ ปัญญากุล : ผู้ประสานงานกรีนเนท
อาหารดัดแปลงพันธุกรรม หรือ GM food ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะในต่างประเทศอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้มีการนำเข้าผลผลิตการเกษตรเข้าประเทศไทยปีละมหาศาลโดยที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสรับทราบข้อมูล
กรีนเนทได้รับข้อมูลจากแหล่งที่ยืนยันได้ว่า ประเทศไทยนำเข้าถั่วเหลืองและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นผลผลิตจากพืชดัดแปลงพันธุกรรม โดยเฉพาะผลผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีการศึกษาทดลองเกี่ยวกับการดัดแปลงพันธุกรรมพืชขอาหารในประเทศไทย เช่น ข้าว และมะละกอ
แล้วอาหารปรับเปลี่ยนพันธุกรรมนี้มีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใดในการบริโภค คำตอบเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่นักวิชาการถกเถียงกันอยู่มาก โดยมีเนื้อหาหลักอยู่ ๓ เรื่องสำคัญ คือ ภูมิแพ้อาหาร, การถ่ายทอดความต้านทานยาปฏิชีวนะ และสารพิษในอาหาร
ภูมิแพ้อาหาร
โดยทั่วไปแล้ว มนุษย์เรามีภูมิแพ้อาหารแตกต่างกัน เช่น บางคนแพ้อาหารทะเล บางคนแพ้อาหารจากถั่วบางชนิด
จากสถิติในสหรัฐอเมริกาพบว่า หนึ่งในสี่ของประชากรจะมีภูมิแพ้อาหารบางอย่าง แต่ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้มีการสำรวจในประเทศไทย แต่เชื่อว่าคนไทยเรามีปัญหาภูมิแพ้มากขึ้น โดยเฉพาะประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ
เนื่องจากการดัดแปลงพันธุกรรมทำให้เกิดการเปลี่ยนสารพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งมาสู่สิ่งมีชีวิตหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้เกิดการถ่ายทอดสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ติดมาด้วย กรณีตัวอย่างดังเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๓๙ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเนบราสกาในสหรัฐ ได้แถลงผลงานวิจัยที่ตรวจพบว่า โครงการดัดแปลงพันธุกรรมถั่วเหลืองของบริษัทไพโอเนียร์ ไฮบรีด อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ย้ายยีนจากบราซิลนัทมาใส่ในถั่วเหลืองเพื่อจะเพิ่มคุณค่าอาหารโปรตีนในถั่วเหลือง (สำหรับเป็นอาหารสัตว์) แต่กลับปรากฏว่า ถั่วเหลืองนั้นมีสารภูมิแพ้จากบราซิลนัทเกิดขึ้นด้วย ดังนั้น คนที่เป็นภูมิแพ้บราซิลนัท ถ้าบริโภคถั่วเหลืองดัดแปลงพันธุกรรมนี้เข้าไปก็จะเกิดอาการภูมิแพ้นี้ได้ด้วย หลังจากที่ได้มีการแถลงข่าวดังกล่าว บริษัทไพโอเนียร์ ฯ จึงได้ตัดสินใจยกเลิกโครงการดัดแปลงพันธุกรรมถั่วเหลืองด้วยยีนจากบราซิลนัท
ในกรณีนี้ ถือว่าเป็นโชคดีเพราะนักวิจัยสามารถตรวจสอบปัญหาภูมิแพ้ได้ก่อนที่จะมีการผลิตถั่วเหลืองนี้เพื่อการค้า ความโชคดีนี้มีปัจจัยมาจากการที่นักวิจัยมีข้อมูลเกี่ยวกับภูมิแพ้บราซิลนัทอยู่ก่อนแล้ว เอกสารประกอบการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ยุทธศาสตร์และแผนรณรงค์ทรัพยากรชีวภาพ
13 – 14 กันยายน 2542 ฟาวเท่น ทรี รีสอร์ท จ.นครราชสีมา F:\Document\เอกสารเกี่ยวกับ
จีเอ็มโอ\คนไทยกำลังบริโภคอาหารดัดแปลงพันธุกรรม.doc
- 2 -
และการทดสอบภูมิแพ้ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก (โดยทดสอบถั่วดัดแปลงพันธุกรรมจากบราซิลนัทกับเซลของผู้ที่เป็นภูมิแพ้บราซิลนัท) ซึ่งทำให้ได้ผลการทดสอบที่ชัดเจน
แต่ในกรณีอาหารดัดแปลงพันธุกรรมอื่น ๆ ซึ่งจะนำยีนจากพืช แบคทีเรีย หรือไวรัสต่าง ๆ มากมายมาใช้ในการดัดแปลงพันธุกรรม นักวิจัยแทบจะไม่มีความรู้เลยว่าจะเกิดโรคภูมิแพ้อะไรขึ้นได้บ้าง และการทดสอบภูมิแพ้นั้นต้องทำอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทดสอบกับสัตว์ทดลองนั้นไม่ได้แสดงผลที่ชัดเจน ดังในกรณีถั่วเหลืองดัดแปลงพันธุกรรมจากบราซิลนัทนี้ เมื่อทดสอบกับหนูทดลองก็ไม่ปรากฏผลภูมิแพ้ในหนูทดลองแต่ประการใด
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ปรากฏรายงานในสหภาพยุโรป พบว่า มีผู้ป่วยจากอาหารที่มีวัตถุดิบจากถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น ๕๐ % ในช่วงปี ๒๕๔๑ ที่ผ่านมา คือเพิ่มจาก ๑ % เป็น ๑.๕ % ซึ่งในรายงานดังกล่าวระบุอีกว่า เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกในช่วง ๑๗ ปี ที่โรคภูมิแพ้ในถั่วเหลืองนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการอนุญาตให้ใช้วัตถุดิบจากถั่วเหลืองดัดแปลงพันธุกรรมมาผลิตเป็นอาหารมนุษย์
การถ่ายทอดความต้านทานยาปฏิชีวนะ
เทคนิควิธีของพันธุวิศวกรรมในการดัดแปลงพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตด้วยการย้ายยีนจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปให้กับสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง จำเป็นต้องมีการทำ “ยีนเครื่องหมาย” ที่มีความต้านทานยาปฏิชีวนะ เพื่อบ่งชี้ว่า การถ่ายทอดยีนนั้นถูกต้องและประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด
แน่นอนว่า อาหารดัดแปลงพันธุกรรมย่อมมียีนต้านทานยาปฏิชีวนะนั้นอยู่ด้วย
ดังนั้น เมื่อมีการบริโภคอาหารดัดแปลงพันธุกรรม โอกาสที่ยีนต้านทานยาปฏิชีวนะจะถูกถ่ายทอดไปสู่แบคทีเรียที่อยู่ในกระเพาะ – ลำไส้ของผู้ที่บริโภค ทำให้แบคทีเรียนั้นมีความสามารถในการต้านทานยาปฏิชีวนะเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าแบคทีเรียนั้นเป็นแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคในสัตว์ หรือมนุษย์ การรักษาโรคโดยการใช้ยาปฏิชีวนะก็จะยากขึ้น อันจะเป็นผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพมนุษย์และสัตว์ในอนาคตได้
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ นักวิจัยจากสถาบันควบคุมคุณภาพผลผลิตการเกษตร ในเมืองวาเกนนีเกน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ทำการทดลองโดยการสร้างแบบจำลองกระเพาะ เพื่อตรวจสอบว่ายีนต้านทานยาปฏิชีวนะจากอาหารดัดแปลงพันธุกรรมสามารถถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่บริโภคอาหารดังกล่าวได้มากน้อยเพียงใด ในการทดลองดังกล่าวได้ใช้แบคทีเรียดัดแปลงพันธุกรรมที่มียีนต้านทานยาปฏิชีวนะใส่ลงในกระเพาะจำลอง ปรากฏว่า สารพันธุกรรม (หรือดีเอ็นเอ) ที่มียีนต้านทานยาปฏิชีวนะนี้สามารถมีความคงทนได้นานพอสมควร (คือ มีระยะครึ่งชีวิต นาน ๖ นาที หรือในอีกนัยหนึ่งคือ ทุก ๖ นาที สารพันธุกรรมจะถูกทำลายลงครึ่งหนึ่งของจำนวนที่มีอยู่) ซึ่งถ้าแบคทีเรียที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมเป็นแบคที่เรียชนิดเดียวกันกับที่พบทั่วไปในกระเพาะอาหาร โอกาสที่จะเกิดการถ่ายทอดสารพันธุกรรมต้านทานยาปฏิชีวนะนี้จะมีอยู่ประมาณ ๑ ใน ๑๐ ล้าน แม้ว่าตัวเลขนี้จะดูน้อยมาก แต่ในสภาพของ
เอกสารประกอบการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ยุทธศาสตร์และแผนรณรงค์ทรัพยากรชีวภาพ
13 – 14 กันยายน 2542 ฟาวเท่น ทรี รีสอร์ท จ.นครราชสีมา F:\Document\เอกสารเกี่ยวกับ
จีเอ็มโอ\คนไทยกำลังบริโภคอาหารดัดแปลงพันธุกรรม.doc
- 3 -
กระเพาะอาหารในสิ่งมีชีวิตทั่วไปแล้วจะมีแบคทีเรียในกระเพาะอาหารมากถึง ๑,๐๐๐,๐๐๐ ล้านแบคทีเรีย ซึ่งหมายความว่า มีการถ่ายทอดได้ถึง ๑๐๐,๐๐๐ แบคทีเรียทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคน หรือสัตว์ดังกล่าวได้รับยาปฏิชีวนะอยู่ ซึ่งก็จะทำให้แบคทีเรียในกระเพาะบางส่วนถูกทำลายลงไป โอกาสในการถ่ายทอดสารพันธุกรรมต้านทานยาปฏิชีวนะจะเพิ่มขึ้นอีก ๑๐ เท่าตัว
ที่ผ่านมา นักพันธุวิศวกรรมจะใช้ยีนเครื่องหมายที่ต้านทานยาปฏิชีวนะ “แอมพิซิลีน” ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่นิยมใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อหลายชนิด ทั้งในมนุษย์และสัตว์ ดังนั้น จึงมีนักวิชาการจำนวนมาก เช่น บริติชโรยัลโซไซตี้ ได้เรียกร้องให้ยุติการใช้ยีนเครื่องหมายที่ต้านทานยาปฏิขีวนะในการดัดแปลงพันธุกรรมอาหาร
สารพิษในอาหาร
ผลพวงของอาหารดัดแปลงพันธุกรรมก็คือ การเพิ่มระดับสารพิษในอาหาร หรือการสร้างสารพิษชนิดใหม่ในอาหาร
ปัญหาเช่นนี้ได้เคยเกิดขึ้นแล้ว เมื่อบริษัทโชวา เดนโก้ ของญี่ปุ่น ได้ผลิตอาหารเสริมโดยใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรม เพื่อผลิตโปรตีน “ไทรโทแฟน” (ซึ่งเป็นอาหารเสริมประเภทวิตามินบี ๒) และขายผลิตภัณฑ์นี้ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปลายทศวรรษ ๑๙๘๐ หลังจากนั้น ปรากฏว่า มีผู้บริโภคเกือบ ๕,๐๐๐ คนที่ป่วยด้วยอาการ eosinophilia myalgia syndrome ซึ่งมีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย กว่าจะมีการค้นพบว่าโรคดังกล่าวเกิดจากอาหารเสริมที่ผลิตจากเทคนิคพันธุวิศวกรรม ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป ๓๗ คน และพิการอย่างถาวรเกือบ ๑,๕๐๐ คน
ในรายงานวิจัยล่าสุดของดอกเตอร์อาพัด พุสซตัย จากสถาบันโรเวตต์ ในเมืองเอเบอร์ดีน ประเทศอังกฤษ ได้ให้หนูทดลองกินมันฝรั่งที่ดัดแปลงพันธุกรรมจากยีนเล็คตินสโนดร็อพ (เพื่อทำให้มันฝรั่งนั้นสามารถผลิตสารฆ่าแมลงได้ด้วยตนเอง) ผลปรากฏว่า หลังจากให้หนูกินมันฝรั่งนี้นานเพียง ๑๐ วัน หนูทดลองมีการเจริญเติบโตลดลง และมีภูมิต้านทานต่ำลง ทั้ง ๆ ที่เล็คตินสโนดร็อพนี้ไม่เคยมีรายงานว่าเป็นสารพิษต่อสิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนมมาก่อน
ถั่วเหลืองดัดแปลงพันธุกรรม
จากข้อมูลสำรวจประมาณว่า ถั่วเหลืองที่ปลูกอยู่ทั่วโลก ๗๐ ล้านเอเคอร์ มีถั่วเหลืองดัดแปลงพันธุกรรมประมาณ ๒๕ ล้านเอเคอร์ หรือราว ๓๕ % ของพื้นที่ปลูกถั่วเหลือง ซึ่งถั่วเหลืองดัดแปลงพันธุกรรมนี้ส่วนใหญ่เป็นถั่วเหลืองที่ต้านทานยากำจัดศัตรูพืชราวด์อั๊พ ซึ่งทั้งพันธุ์ถั่วเหลืองและสารเคมีราวด์อั๊พนี้เป็นาผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายโดยบริษัทมอนซานโต้ทั้งสิ้น ส่วนในสหรัฐอเมริกา กระทรวงเกษตร
เอกสารประกอบการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ยุทธศาสตร์และแผนรณรงค์ทรัพยากรชีวภาพ
13 – 14 กันยายน 2542 ฟาวเท่น ทรี รีสอร์ท จ.นครราชสีมา F:\Document\เอกสารเกี่ยวกับ
จีเอ็มโอ\คนไทยกำลังบริโภคอาหารดัดแปลงพันธุกรรม.doc
- 4 -
ประมาณว่า ในปี ๒๕๔๑ ที่ผ่านมา มีการปลูกถั่วเหลืองดัดแปลงพันธุกรรมประมาณ ๔๐ % ของพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองในสหรัฐ
ในปัจจุบัน ประเทศไทยต้องนำเข้าถั่วเหลืองจากหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย ถั่วเหลืองต่างประเทศเหล่านี้จะนำมาสกัดเป็นน้ำมันพืช และกากถั่วเหลืองทั้งหมดก็นำไปแปรรูปเป็นอาหารแก่สัตว์ต่าง ๆ เช่น ไก่ กุ้ง หมู ปลา แต่มีพ่อค้าไทยบางรายนำถั่วเหลืองที่นำเข้ามานี้ร่อนแยกเกรด แล้วขายเป็นวัตถุดิบสำหรับอาหารคน เช่น เต้าหู้ น้ำเต้าหู ซีอิ๊ว ฯลฯ ซึ่งทำให้คนไทยเราอาจจะกำลังบริโภคอาหารดัดแปลงพันธุกรรม ทั้งโดยตรงจากอาหารที่ผลิตจากถั่วเหลือง หรือโดยอ้อมจากเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยกากถั่วเหลืองดัดแปลงพันธุกรรม
การที่ประเทศไทยต้องนำเข้าถั่วเหลืองนี้ก็เพราะว่า รัฐบาลไทยได้รับการกดดันจากนักธุรกิจอุตสาหกรรมสัตว์ เพื่อให้เปิดเสรีนำเข้าถั่วเหลือง โดยอ้างว่า การผลิตถั่วเหลืองในประเทศไม่พอเพียง แต่ที่จริงแล้ว ศักยภาพการผลิตถั่วเหลืองในประเทศไทยยังมีอยู่มาก แต่ที่เกษตรกรไม่นิยมหันมาปลูกถั่วเหลืองก็เพราะนโยบายรัฐบาลที่เปิดให้นำเข้าถั่วเหลือง ทำให้ถั่วเหลืองภายในประเทศพลอยมีราคาตกต่ำไปด้วย อีกทั้งสหรัฐอเมริกาใช้นโยบายอุดหนุนการส่งออกถั่วเหลือง ทำให้ถั่วเหลืองที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกามีราคาถูกกว่าประเทศไทย ดังนั้น การจะแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนถั่วเหลืองได้นั้นจะต้องเริ่มจากการจำกัดการนำเข้าถั่วเหลืองจากต่างประเทศ พร้อม ๆ กันกับส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองภายในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในด้านการเกษตรอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะใช่เรื่องที่ยากเย็นนัก
ข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะมีการผลิตที่น้อยกว่า คือเพียงแค่ ๒๐ % ของพื้นที่ปลูกข้าวโพดในสหรัฐที่ปลูกข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม ข้าวโพดที่ดัดแปลงพันธุกรรมนี้เป็นข้าวโพดที่มีการนำยีนของเชื้อจุลินทรีย์บีทีมาใส่ในพันธุกรรมข้าวโพด เพื่อให้ข้าวโพดสามารถผลิตสารที่มีพิษเฉพาะต่อแมลงได้
แม้ว่าข้าวโพดที่นำเข้าจากสหรัฐจะนำเข้าเพื่อลิตเป็นอาหารสัตว์เป็นหลัก การบริโภคข้าวโพดนี้โดยตรงมีอยู่น้อยมาก ทำให้เรื่องความปลอดภัยในการบริโภคของผู้บริโภคมีน้อย แต่ก็ใช่ว่าสัตว์เลี้ยงที่บริโภคข้าวโพดนี้จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าในมนุษย์ ส่วนโอกาสที่ความเสี่ยงเหล่านั้นจะถ่ายทอดมาสู่ผู้บริโภคที่บริโภคเนื้อสัตว์ก็ยังคงมีอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ในประเทศไทยเองได้มีการอนุญาตให้มีการทดสอบการปลูกข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมบีทีนี้แล้ว
เอกสารประกอบการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ยุทธศาสตร์และแผนรณรงค์ทรัพยากรชีวภาพ
13 – 14 กันยายน 2542 ฟาวเท่น ทรี รีสอร์ท จ.นครราชสีมา F:\Document\เอกสารเกี่ยวกับ
จีเอ็มโอ\คนไทยกำลังบริโภคอาหารดัดแปลงพันธุกรรม.doc
- 5 -
ข้าวดัดแปลงพันธุกรรม
ในประเทศไทยมีโครงการทดลองเกี่ยวกับการดัดแปลงพันธุกรรมข้าวอยู่หลายโครงการ เช่น การเพิ่มผลผลิต การพัฒนาความต้านทานโรคและแมลง แต่การทดลองทั้งหมดนี้ยังอยู่แค่เพียงในระดับห้องปฏิบัติการ ยังไม่มีการทดสอบในระดับพื้นที่หรือการผลิตเพื่อการค้า
ส่วนในต่างประเทศนั้น เท่าที่กรีนเนทได้รับข้อมูลมา มีการทำการทดลองการดัดแปลงพันธุกรรมข้าวด้วยยีนจากจุลินทรีย์บีที แต่ไม่มีข้อมูลว่ามีการทดสอบการปลูกหรือการผลิตมากน้อยเพียงใด
มะเขือเทศดัดแปลงพันธุกรรม
เป็นมะเขือเทศที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมให้สุกงอมช้าลง โดยประเทศกำลังทดสอบภาคสนามโดยการปลูกในเขตจังหวัดพิษณุโลก มะเขือเทศนี้มีการผลิตเพื่อการค้าและการจำหน่ายแล้วในต่างประเทศหลายประเทศ
มะละกอดัดแปลงพันธุกรรม
กระทรวงเกษตรได้รับอนุญาตให้มีการทดลองมะละกอดัดแปลงพันธุกรรม เพื่อให้มะละกอสามารถต้านทานโรคใบด่างจุดวงแหวน แต่ยังไม่มีข้อมูลว่ามีการพัฒนาพันธุ์หรือการปลูกทดสอบหรือยัง
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงสำหรับผู้บริโภคก็คือ การที่ไม่มีการกำหนดให้มีการปิดฉลากแจ้งว่าผลผลิตใดบ้างที่เป็นผลผลิตจากการดัดแปลงพันธุกรรม ซึ่งผู้บริโภคควรจะมีสิทธิในการที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารนี้ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ ในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในกลุ่มยุโรปมีการต่อต้านอาหารดัดแปลงพันธุกรรมนี้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น บริฐัทยูนิลีเวอร์สาขาประเทศอังกฤษได้ประกาศว่า จะไม่รับซื้อผลผลิตการเกษตรที่มีการดัดแปลงพันธุกรรม หรือบริษัทแปรรูปอาหารยักษ์ใหญ่อย่างเนสเล่ท์ในอังกฤษก็ได้ประกาศนโยบายที่จะไม่รับซื้อวัตถุดิบจากผลผลิตดัดแปลงพันธุกรรม
และที่น่าสนใจมากก็คือ ซุเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ในยุโรปจำนวน ๑๘ แห่งใน ๗ ประเทศ ประกาศที่จะไม่ขายผลิตภัณฑ์จากการดัดแปลงพันธุกรรมเช่นกัน (ดูรายละเอียดในตารางข้างล่าง)
ประเทศ
ซุเปอร์มาร์เก็ต
นโยบายเกี่ยวกับสินค้าดัดแปลงพันธุกรรม
ออสเตรเลีย
Adeg
ไม่ขายสินค้าที่ฉลากระบุว่ามีวัตถุดิบจากผลผลิตดัดแปลงพันธุกรรม
BML Group
ไม่ขายสินค้าที่ฉลากระบุว่ามีวัตถุดิบจากผลผลิตดัดแปลงพันธุกรรม เอกสารประกอบการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ยุทธศาสตร์และแผนรณรงค์ทรัพยากรชีวภาพ
13 – 14 กันยายน 2542 ฟาวเท่น ทรี รีสอร์ท จ.นครราชสีมา F:\Document\เอกสารเกี่ยวกับ
จีเอ็มโอ\คนไทยกำลังบริโภคอาหารดัดแปลงพันธุกรรม.doc
- 6 -
Hofer
ไม่ขายสินค้าที่ฉลากระบุว่ามีวัตถุดิบจากผลผลิตดัดแปลงพันธุกรรม
Spar
ไม่ขายสินค้าที่ฉลากระบุว่ามีวัตถุดิบจากผลผลิตดัดแปลงพันธุกรรม และจะทำสินค้าของตัวเองที่ปลอดจากวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
เบลเยี่ยม
Delhaize Le Lion
จะทำสินค้าของตัวเองที่ปลอดจากวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
ฝรั่งเศส
Auchan
จะทำสินค้าของตัวเองที่ปลอดจากวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
(เริ่มเมษายน ๒๔๔๒)
Carrefour
จะทำสินค้าของตัวเองที่ปลอดจากวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม (ประกาศเมือเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๒)
อิตาลี
Coop
ขายเฉพาะสินค้าที่ไม่มีวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
Esselunga
จะทำสินค้าของตัวเองที่ปลอดจากวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
สวิตเซอร์แลนด์
Coop
จะทำสินค้าของตัวเองที่ปลอดจากวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
Migros
จะทำสินค้าของตัวเองที่ปลอดจากวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
อังกฤษ
Asda
ติดฉลากสินค้าที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
Iceland
จะทำสินค้าของตัวเองที่ปลอดจากวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
Saveway
ติดฉลากสินค้าที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
Sainbury Group
จะทำสินค้าของตัวเองที่ปลอดจากวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
Tesco
จะทำสินค้าของตัวเองที่ปลอดจากวัตถุดิบดัดแปลงพันธุกรรม
เอกสารประกอบการส
ราวด์อั๊พเรดดี้ : ถั่วเหลืองทนยาฆ่าหญ้า ของมอนซานโต้
ในการปลูกถั่วเหลืองทั่วไปเกษตรกรจะนิยมใช้สารเคมีกำจัดหญ้าเพื่อควบคุมวัชพืชในแปลงถั่ว แต่การใใช้สารเคมีนี้จะมีผลกระทบต่อถั่วเหลืองคือทำให้ถั่วเหลืองตายด้วย
นักพันธุวิศวกรรมของบริษัทมอนซษนโต้จึงได้พัฒนาถั่วเหลืองที่ทรทานต่อยาหญ้าราวด์อั๊พขึ้น และให้ชื่อว่า “ถั่วเหลืองราวด์อั๊พเรดี้”
การปลูกถั่วเหลืองราวด์อั๊พเรดี้นี้จะทำให้มีการใช้ยาฆ่าหญ้าราวด์อั๊พเพิ่มขึ้น ซึ่งราวด์อั๊พหรือ “สารไกลโฟเสท” นี้เป็นสารเคมีกำจัดวัชพืช ที่ผลิตโดยบริษัทมอนซานโต้เช่นเดียวกัน โดยบริษัทได้เริ่มนำเอาราวด์อั๊พออกมาจำหน่ายมานานกว่า ๒๕ ปี และสร้างรายได้ให้กับบริษํทมากกว่า ๑,๒๐๐ ล้านเหรียญต่อปี (หรือราว ๔๕,๖๐๐ ล้านบาท) อาการของผู้ที่ได้รับสารเคมีนี้ ได้แก่ ปวดท้อง อาเจียน ปอดบวม วิงเวียน เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย เคืองตา ตามัว เป็นไข้ ปวดหัว ท้องเสีย
เมื่อมีการใช้สารเคมีนี้ในการเกษตร สารไกลโฟเสทจะเปลี่ยนรูปไปเป็นสารพวกไนโตรโซไกลโฟเสต ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ บริษัทมอนซานโต้ต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับอัยการรัฐนิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา) เป็นจำนวน ๕๐,๐๐๐ เหรียญ และเปลี่ยนคำโฆษณาของบริษัทที่อ้างว่า “ราวด์อั๊พสามารถย่อยสลายได้ และเป็นมิตรกับ
http://www.biothai.net/web/file/WedOctober2007-17-13-56-gmo_11.pdf
26.4.51
คนไทยกำลังบริโภคอาหารดัดแปลงพันธุกรรม
เขียนโดย
GMan572
ที่
16:04
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น