2.2.51

การตกแต่งห้องนอน

การตกแต่งห้องนอน
“ห้องนอน” ถือว่าเป็นสถานที่ส่วนตัว การออกแบบตกแต่ง จึงสามารถ ทำให้มีลักษณะ เฉพาะตัว ที่เด่นชัดออกมาได้เต็มที่ และตามสไตล์ ที่ผู้อยู่ต้องการ ได้ด้วย เนื่องจากพื้นที่ในห้องนอนนั้น เป็นพื้นที่ส่วนตัว ที่พ้นจากสายตาคนอื่นๆ และยังเป็นห้องที่เหมาะที่สุด ในการสร้างสรรค์ ตามความประสงค์ ของผู้อยู่อย่างมาก
บางคนอาจจะชอบห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแบบไทยๆ ที่สามารถจะใช้โต๊ะ ตั่ง
คันฉ่องหรือ กระจก มาตกแต่ง การวางที่นอนบนพื้นก็เป็นการเพิ่มบรรยากาศให้ห้องน่าอยู่มิใช่น้อย หรือบางคนอยากจะแต่งให้โมเดิร์นสุดก็ย่อมที่จะทำได้ เพราะห้องนอนเปรียบเสมือนโลกส่วนตัวของแต่ละบุคคลที่สามารถจะสร้างสรรค์สิ่งที่ต้องการได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงรสนิยมและประโยชน์การใช้สอยร่วมกับผู้อื่น เหมือนกับการตกแต่งในห้องอื่นๆ
การจัดแสงมีบทบาทอย่างมาก ในการตกแต่งห้อง ไม่ว่าจะเป็น ห้องแบบไหนก็ตาม ก่อนจะตัดสินใจ ว่าจะใช้แสงอย่างไรเราต้องคำนึงถึง บรรยากาศ ที่ต้องการนั้นก่อน ว่าต้องการบรรยากาศ ที่ต้องการนั้นก่อนว่า ต้องการบรรยากาศในห้องนอน แบบไหนถ้าต้องการห้องนอนที่เต็มไปด้วย บรรยากาศยามเช้า ที่กระปรี้กระเปร่า ก็ต้องเปิดหน้าต่าง ด้านที่แดดยามเช้า สามารถสาดส่องเข้ามาได้ แล้วปิดไว้ด้วยม่าน 2 ชั้นที่เป็นทั้งม่านทึบ และโปร่งแสง สามารถเปิดออกได้เพื่อปล่อยให้แสงยามเช้า สาดเข้ามาได้ แต่วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ตกแต่งภายใน ควรมีสีและพื้นผิว ที่ทนทานต่อแสงแดด แต่ถ้าต้องการ บรรยากาศที่โรแมนติก เหมือนอยู่ในยาม ค่ำคืนตลอดเวลา ก็ต้องปิดกั้นให้แสงธรรมชาติ เข้ามาในห้องได้น้อยที่สุด ...
http://www.meenadesign.com/
ยิ่งน้อยยิ่งมาก
หนึ่งในปรัชญาการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่ผมร่ำเรียนมาคือ "Less is more" (ยิ่งน้อยยิ่งมาก) ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายจากงานของสถาปนิก ลุกวิก มิส แวน เดอ โรห์ โดยการออกแบบอาคารแบบเรียบง่าย เป็นกล่องโล่ง ไม่รกรุงรัง ปรัชญานี้เรียก Minimalism ปรากฏในงานศิลปะสายต่างๆ ฟังดูคล้ายๆ ปรัชญาเต๋าหรือเซน
และเช่นเดียวกับปรัชญาเต๋ากับเซน ไม่ทุกคนที่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ และแม้จะเข้าใจ ก็ไม่ใช่เรื่องที่กระทำได้ง่ายดาย
การออกแบบอาคารและศิลปะด้านอื่นๆ จำนวนมากมายที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ จึงยังเต็มไปด้วย 'ความมาก' (อย่างที่อาจารย์วิชาออกแบบมักใช้คำว่า 'รกรุงรัง' ) ที่เรียกว่า 'การออกแบบชั้นเลว' ห่างไกลจากประโยค Less is more หลายโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเพราะคนออกแบบไม่เข้าใจปรัชญานี้ หรือเพราะจงใจไม่เข้าใจปรัชญานี้ หรือเพราะระบบพาณิชย์ที่สอนให้เชื่อว่า 'ยิ่งมากยิ่งคุ้ม'
ความจริง "ยิ่งน้อยยิ่งมาก" ไม่เป็นเพียงปรัชญาในการออกแบบ แต่เป็นวิถีการใช้ชีวิตด้วย
ชีวิตของหลายๆ คนเป็นการออกแบบที่รกรุงรัง ปะทับด้วยองค์ประกอบมากมายที่ไม่จำเป็น บางคนซื้อบ้าน 6-7 ห้องนอน เป็นเจ้าของรถยนต์ 3-4 คัน ทั้งที่มีสมาชิกในบ้านเพียงสองคน บางคนเก็บสะสมเงินเป็นหมื่นล้าน แต่ยังโลภขึ้นเรื่อยๆ บางคนไม่หิวแต่ก็สั่งอาหารเต็มโต๊ะ ฯลฯ
ในโลกที่นิยมความใหญ่ ความมาก ความสูงสุด อะไรๆ ก็มักเกินความพอดี และกลายเป็นการออกแบบชั้นเลวไปอย่างง่ายดาย
หนังลงทุนสูงมิแน่นักว่าจะเป็นหนังดี คนมีบ้านใหญ่โตไม่แน่ว่าจะมีความสุข สะสมทรัพย์สินร้อยล้านพันล้านหมื่นล้าน ก็ไม่ได้รับประกันว่าชีวิตจะราบรื่น ตรงกันข้าม พวกเขาเหล่านั้นอาจทุกข์กว่าคนยากไร้ด้วยซ้ำ เพราะบางครั้งทรัพย์สินก็เช่นไขมันชั้นเลว มักตามมาด้วยโรคต่างๆ : ความหวาดระแวง ความกลัว ความโลภ ฯลฯ
มองในมุมมองของธรรมชาติ ทุกชีวิตสร้างมาจากความน้อยที่สุด จำนวนเซลล์น้อยที่สุดที่ทำงานได้ อวัยวะน้อยที่สุดที่ทำให้ร่างกายเดินหน้าได้
มีแต่คนที่ลองใช้ชีวิตจริงๆ จะพบว่า ยิ่งน้อยยิ่งดี ยิ่งรัดกุมยิ่งมีประสิทธิภาพ
ในทางการใช้ชีวิตด้วยความพอเพียงพอดี ต่างหากคือการออกแบบชั้นดี
เช่นเดียวกับสารเคมีแห่งความแจ่มใสที่เกิดจากการออกกำลังกาย ฮอร์โมนที่เกิดจากการใช้ชีวิตพอเพียงคือความสุขใจ
สุขจากเรื่องเล็กๆ
บทสรุปการวิจัยของสถาบันศึกษาแห่งหนึ่งในยุโรปไม่นานมานี้เผยว่า ผู้คน 64 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าตนเองมีความสุข ใช้ชีวิตกับพ่อแม่ คู่รัก เพื่อน เสมอๆ พวกเขาบอกว่า แสงแดดและจุมพิตจากคนที่รักช่วยได้มาก
ผลวิจัยยังชี้ว่า คนที่ไม่มีความสุขใช้เวลากับการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ตัวเลขคือ 69 เปอร์เซ็นต์ท่องอินเทอร์เน็ต 45 เปอร์เซ็นต์ผ่านเวลาหน้าจอโทรทัศน์
เห็นชัดว่าความสุขมักไม่เกิดมาจากความ 'ครบ' ในทางวัตถุ
ความสุขมักไม่เกิดจากเรื่องใหญ่ ไม่ใช่ล็อตเตอรีรางวัลที่หนึ่ง แจ็คพ็อตหลายสิบล้านบาท ไม่ใช่บ้านใหญ่โตบนพื้นที่หลายสิบไร่
ความสุขเป็นเรื่องเล็กๆ เกิดจากสิ่งเล็กๆ
เรียบง่าย สมส่วน ลงตัว ไม่มากเกิน ไม่น้อยไป
ความสุขเกิดจากการมองโลกในเชิงบวก คิดด้านลบให้น้อยเข้าไว้
อย่าคาดหวังว่าคนอื่นจะทำให้เราสุข เราสุขด้วยตัวเราเอง ความสุขเป็นเรื่องที่เราต้องรับผิดชอบหามาเอง
อย่าได้อิจฉาริษยาเพื่อนที่เก่งกว่า ร่ำรวยกว่า เพราะไม่ว่าคุณจะเก่งกาจเลอเลิศแค่ไหน ก็จะมีคนอื่นที่หน้าตาดีกว่าคุณ ฉลาดกว่าคุณ เก่งกว่าคุณเสมอ (และที่น่าช้ำใจคือ มีแฟนหน้าตาดีกว่าแฟนของคุณด้วย!)
สรีระไม่ใช่สิ่งที่เรากำหนดได้ แต่เราออกแบบชีวิตของเราเองได้
จะเลือกออกแบบให้ 'รกรุงรัง' หรือ 'ยิ่งน้อยยิ่งมาก' ก็แล้วแต่เรา
วินทร์ เลียววาริณ
www.winbookclub.com


การออกแบบตกแต่งห้องนอน
ห้องนอนถือว่าเป็นห้องที่สำคัยที่สุดห้องหนึ่ง เพราะเป้นห้องส่วนตัวสำหรับการพักผ่อนนอนหลับ การใช้สอยภายในห้องนอนก้นานกว่าห้องอื่นๆ ภายในบ้านอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นยังอาจใช้เป้นห้องทำงานส่วนตัว ที่ต้องการบรรยากาศที่สงบเงียบ
การจัดวางผังห้องนอน ต้องอาสัยข้อมูลต่างๆ เช่น
1. ความต้องการจำเป็นของผู้ใช้ห้อง
2. ความเชื่อในเรื่องทิศทาง เช่น คนไทยไม่นิยมนอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตก
3. คำนึงถึงด้านภูมิศาสตร์ แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ และทิศทางของลม
ตามสภาพของธรรมชาตินั้น ลมในฤดูร้อนจะพัดมาจากทางด้านทิศใต้ การออกแบบวางผังต้องคำนึงถึงทิศทางลม เพื่อระบายอากาศในห้องด้วย หรือทางด้านทิศตะวันตกเวลาบ่ายแสงแดดจะส่องทางด้านนี้ อาจจะแก้ปัญหาด้วยการบุแผ่นกันความร้อน หรือวางตู้ขนาดใหญ่กั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนภายในห้อง ถ้าเป็นไปได้ห้องนอนควรอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของตัวบ้านจะดีที่สุด
http://www.sun-decor.com/
http://www.woodcabinets-th.com/Daily Archive for September 20th, 2007
“ออกแบบห้องนอน…ต้องทำอย่างไร???” (Chapter4) ไฟฟ้าและแสงสว่างPosted in Livingplace >> on Sep 20th, 2007
” ไฟฟ้าและแสงสว่าง สร้างบรรยากาศให้ห้องนอน..ได้จริงหรือ ???”
” จริงครับ..!! “ เดี๋ยวผมจะเล่าเหตุผลให้ฟัง
สำหรับการออกแบบห้องนอน คราวนี้ก็เป็น Chapter4 แล้วนะครับ
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง การออกแบบไฟฟ้าและแสงสว่างให้ห้องนอนกันนะครับ…
เรื่องไฟฟ้าและแสงสว่างนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง สำหรับการตกแต่งภายใน
เพราะว่าการออกแบบแสงสว่าง คือการสร้างบรรยากาศ สร้างอารมณ์ และสร้างความรู้สึก
ที่คนเราสัมผัสได้อย่างล้ำลึก และยาวนาน มากกว่าการสัมผัสด้วยโสตประสาทสัมผัสส่วนอื่นๆ ก็ว่าได้นะครับ
ในที่นี้ผมหมายถึงแสงสว่างจากธรรมชาติ และแสงสว่างจากไฟฟ้า
เพราะเหตูนี้เอง Interior Designer ที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่ จะให้ความสำคัญในการออกแบบแสงสว่าง
สำรหับห้องนอนมาก เพราะส่วนของห้องนอนนั้นจะมีผลกระทบโดยตรงกับ เจ้าของบ้านนั้นๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บรรยากาศที่ดี รวมทั้งประโยชน์ใช้สอย อย่างมีเหตุผลที่เหมาะสม สามารถสร้างความประทับใจ ให้กับผ้อยู่อาศัยได้อย่างแน่นอน
วันนี้ผมขออนุญาติที่จะเลือกเอาเฉพาะหลักสำคัญๆ สำหรับห้องนอน กับที่พักอาศัยทั่วๆไปนะครับ
1. ข้อนี้สำคัญมากนะครับ คือแสงจากธรรมชาติ ควรจะมีช่องแสง หน้าต่าง
เพื่อให้แสงแดดจากธรรมชาติภายนอก ส่องเข้ามาได้พอสมควร โดยเฉพาะแสงสว่างในตอนเช้า
แสงแดดอ่อนๆ ส่วนใหญ่แล้ว Interior Designer จะเลือกออกแบบให้ห้องที่อยู่ในทิศเหนือ
หรือทิศตะวันออกเป็นห้องนอน เพื่อให้ความสดชื่น ปลอดโปร่งในตอนเช้า
แถม ยังช่วยทำให้ ห้องนอนไม่อับชื้นด้วยนะครับ
2. การเลือกใช้หลอดไฟ ควรเลือกใช้หลอดที่ให้แสงแบบเหลืองนวล (warm white)
ส่วนจะเลือกเป็นหลอด […]
ต่อเนื่องจาก Chapter 2 ที่ว่าด้วยเรื่องการจัดพื้นที่ใช้สอยในห้องนอน..นะครับ
วันนี้มาลุยกันต่อนะครับ..สำหรับ ”ออกแบบห้องนอน..ต้องทำอย่างไร…???? (Chapter 3)
เฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนอน
เตียงนอน
ในทีนี้ผมจะหมายถึง แบบที่ปูที่นอนบนเตียง และแบบที่ปูที่นอนบนพื้นห้อง
แล้วแต่ความชอบและสไตล์ของงานออกแบบตกแต่งครับ
แต่ว่าถ้าชอบแบบปูที่นอนกับพื้นห้อง หรือเป็นยกพื้นขึ้นมาไม่สูงมากนัก
มี Tric & Tip แนะนำอีกนิดครับว่าควรจะทำช่องแสง หรือหน้าต่างให้ยาวลงมาใกล้กับพื้นเท่าไหร่ได้ยิ่งดีครับ
เพราะว่าเวลานอน จะช่วยให้ไม่รู้สึกอึดอัด และสามารถนอนชมวิวภายนอกรอบๆห้องได้อีกด้วยนะครับ…..
ทิศหัวเตียง คนไทยโบราณเรามีความเชื่อเรื่องทิศของการนอนด้วย ซึ่งก็ตรงกับความเป็นวิทยาศาสตร์
เรื่องสภาพ ลม ฟ้า อากาศ ด้วยเหมือนกันจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็แล้วแต่
ไม่ขอออกความเห็นนะครับ แต่น่าจะเป็นเรื่องภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเรา
และของมนุษยชาติด้วยครับ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล เข้าเรื่องเลยดีกว่า
หัวเตียงไม่ควรที่จะหันไปทางทิศตะวันตก และทิศใต้ เพราะเป็นด้านที่ร้อน และเป็นด้านที่รับลมตรงกับหัวเวลานอน จะทำให้ไม่สบายได้ ส่วนทิศที่เหมาะก็คือ ทิศตะวันออกและทิศเหนือ
เพราะจะได้รับแดดอ่อนๆในตอนเช้า (เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดีนะครับสำหรับเช้าวันใหม่…!!!) ซึ่งจะไม่ร้อนมากเหมือนแดดตอนบ่าย และแสงแดดจะเป็นตัวช่วยปลุกเราตอนเช้าไปในตัวอีกด้วย….
ปลายเตียง ไม่ควรอยู่ตรงกับ ประตูทางเข้า-ออก เมื่อเปิด-ปิดเข้ามา เพราะบางครั้งเวลาเรานอนหลับ
อาจจะโป๊อยู่โดยไม่รู้ตัวก็ได้..จริงไหม๊???
หัวเตียงไม่ควรอยู่ติดกับด้านที่เป็นหน้าต่าง เพราะไม่สะดวกในการเปิด-ปิดหน้าต่าง และให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัยในการนอน ทำให้พะวง หลับไม่สนิทเท่าที่ควร
หัวเตียงไม่ควรอยู่ด้านผนังที่ติดกับห้องน้ำ เพราะจะมีเสียงรบกวนจากการใช้ห้องน้ำในขณะที่เรานอน และความชื้นจากผนังห้องน้ำอาจทำให้ เราไม่สบายได้ นะครับ….
ถ้าเรามีพื้นที่มากพอ ไม่ควรให้เตียงนอนชิดผนังด้านใดด้านหนึ่ง(ยกเว้นหัวเตียง)
ควรที่จะสามารถเดินได้รอบเตียง เพราะนอกจากจะสะดวกในการเข้านอนแล้ว
ยังสะดวกเวลาในการทำความสะอาดที่นอน
และทำความสะอาดใต้เตียง (เพราะที่นอนและใต้เตียงเป็นที่เก็บฝุ่นได้เป็นอย่างดีที่เดียว)
และยังง่ายในเวลาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน…อีกด้วย
Picture From : Interior Detail : Fay Sweet
2. ขนาดของห้องนอนและการจัดพื้นที่ใช้สอย
หลายๆท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า จริงๆแล้วการออกแบบบ้าน และขนาดของห้องนอนนั้นมีกฏหมายเทศบัญญัติ
ควบคุมและกำหนดอยู่ด้วยนะครับ เราจะเห็นได้จากเวลาที่สถาปนิก/วิศวกร จะต้องส่งแบบไปที่สำนักงานเขต
เพื่อให้ตรวจสอบก่อนการปลูกสร้าง เช่น ห้องนอนนั้นต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 8 ตารางเมตร
ด้านที่แคบที่สุดต้องกว้างไม่น้อยกว่า 2.50 เมตร ต้องมีช่องเปิด(ประตู-หน้าต่าง) ไม่น้อยกว่า 10% ของพื้นที่ผนังทั้งหมด เป็นต้น
“ซึ่งจริงๆแล้วพื้นที่กำหนดขั้นต่ำก็ถือว่าเล็กเกินไป อึดอัดอยู่ไม่สบาย สำหรับการอยู่อาศัยจริงๆ
ขนาดห้องนอนที่เหมาะสมทั่วๆไปน่าจะอยู่ที่ขนาด 4.00 X 5.00 ม.ขึ้นไป
ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไปนัก สามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนได้พอประมาณ
และไม่โล่งจนเกินไป แต่ยังไงแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ที่เป็นเจ้าของห้องเป็นสำคัญ
ว่าเมื่ออยู่แล้ว รู้สึกดี และชอบแบบไหน บางท่านก็ชอบแบบพอดี เพราะสะดวกในการใช้งาน
แต่สำหรับบางท่านก็ชอบแบบ โล่งๆ ใหญ่ๆ โอ่โถงหรูหรา ซึ่งในแต่ละแบบ ก็จะไปมีส่วนสัมพันธ์กับสไตล์
ของการออกแบบตกแต่งภายในอีกที ซึ่งมัณฑนากร หรือ ดีไซน์เนอร์ก็จะให้คำแนะนำ
เพื่อให้มีความเหมาะสม สวยงาม และประโยชน์ใช้สอยได้อย่างเต็มที่ “
”การจัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนนั้น โดยทั่วไปก็จะมีส่วนหลักๆอยู่ 2 ส่วนด้วยกันคือ”
http://www.interiorsiam.com/

ไม่มีความคิดเห็น: